เปลือยสไตล์บริหารเงิน..ฟู้ดสไตลิสต์
http://www.portfolios.net/group/foodphotography/forum/topics/2988839:Topic:279919
คนที่จัดสรรเวลาเป็น รู้จักวางแผนชีวิตและอนาคตทางการเงินอย่างรอบคอบ ชีวิตก็จะพบแต่ความสุข และมีเวลาพอจะไปเสพงานศิลปะ ถือว่าสุดยอดของชีวิต
ชื่อของ "สุทธิพงษ์ สุริยะ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาบสไตล์ อาจไม่คุ้นหูคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าเรียกเขาว่า "ขาบ" หลายคนคงร้องอ๋อ เพราะขาบเป็นฟู้ดสไตลิสต์ชั้นนำ ผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะและอาหารมากว่า 10 ปี ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งเขาได้รับการยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ บริษัทที่เขาทำในปัจจุบันเป็นองค์กรที่สร้างสไตล์ รสนิยมและความทันสมัยให้กับวงการธุรกิจอาหารด้วยมาตรฐาน สากลอย่างครบวงจรแบบมืออาชีพ
"สิ่งสำคัญในการเป็น ฟู้ดสไตลิสต์ที่ดี ต้องมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นและชัดเจนในตัวเอง ที่สำคัญต้องทำงานอย่างต่อเนื่องยาวนาน สามารถนำเสนอผลงานให้ออกมาเป็น พาณิชย์ศิลป์ได้ และควรหาโอกาสร่วมงานกับบุคคลและสินค้าระดับอินเตอร์เพื่อพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้ประสบการณ์อันล้ำค่า"
นอกจากนี้ เขายังเป็นพิธีกรร่วมคู่กับ "ชลิดา เถาว์ชาลี" ผลิตรายการอาหาร Living in shape ทางช่อง 3 และเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุในช่วง “ครัวของขาบ” ทางเอฟเอ็ม 97 ที่พูดคุยเรื่องราวของอาหารการกินและครัวของคนร่วมสมัย แถมยังเป็นคอลัมนิสต์และนักเขียนประจำ ให้ความรู้เชิงศิลปะการทำสไตล์ใส่อาหาร ลงตีพิมพ์ตามนิตยสารเล่มต่างๆ
แม้เรื่องจัดการเงินทอง เขาจะไม่เก่งและเชี่ยวชาญเท่าเรื่องการเป็นฟู้ดสไตล์ลิสต์ แต่แบบแผนการจัดการเงินของขาบก็ไม่ได้ขี้เหร่ ขาบบอกว่าเมื่อมีรายได้เข้ามา เขาจะจัดสรรเงินด้วยการเปิดบัญชีเพื่อตัวเองไว้ 2 บัญชี คือ เปิดบัญชีเงินฝากประจำ เพื่อบังคับตัวเองให้ออมเงินและเป็นสร้างวินัยไปในตัว โดยจะต้องเก็บออมเงินจำนวนหนึ่งไว้ทุกเดือน ส่วนบัญชีออมทรัพย์ มีไว้เพื่อเบิกถอนมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องบริหารจัดการของแต่ละเดือน
แต่ขาบบอกว่า ไม่ว่าจะใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหนหรือซื้ออะไร ต้องยึดหลัก "ใช้จ่ายไม่ให้ตัวเลขติดลบ" หรือหากติดลบก็ต้องทำงานมากขึ้น เพื่อหารายได้มาชดเชยโดยเร็วที่สุด
แบบแผนในการจัดการเงินทองของเขาในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ขาบบอกว่า เน้นประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองและบริษัท เช่น ว่าจ้างฟรีแลนซ์ทำงานแทนพนักงานประจำ กรณีมีงานก็เรียกมาเป็นครั้งคราว หรือสำหรับคนทั่วไปมีข้อแนะนำว่า หากเป็นบริษัทขนาดเล็ก ก็อาจจะใช้บ้านเป็นโฮมออฟฟิศ ทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่าย แถมยังได้ทานอาหารกับพนักงาน ทำให้เกิดความคุ้นเคยกันมากขึ้น ซึ่งที่ขาบสตูดิโอก็ทำธุรกิจในรูปแบบนี้
"ผมว่าคนเราควรจะใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ไม่ประมาทหรือคิดการใหญ่เกินตัว ค่อยๆ ก้าวเดินแต่ปลอดภัยทุกขณะต้องมีสติ คอยแก้ปัญหา และที่สำคัญต้องทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรมเหมือน เช่นกับการทำ CSR ที่คืนกำไรให้กับสังคม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและควรนำมาปรับใช้กับทุกๆ องค์กร"
สำหรับในปัจจุบันที่การใช้เงินกับผู้คนส่วนใหญ่มักใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เกินตัวกันเยอะ และบางคนนิยมซื้อของแบรนด์เนม มากเกินกำลังของตัวเอง จนกลายเป็นหนี้เป็นสินรุงรัง ขาบแนะว่าทุกคนต้องรู้จักประมาณตนและยึดถือคติตนเป็นที่พึ่งของตนเสมอ ทุกๆ ช่วงชีวิตของมนุษย์ย่อมมีขึ้นมีลงตามจังหวะ หากใครวางแผนได้ดี ชีวิตก็จะประสบแต่ความสุขที่แท้จริงและที่สำคัญที่สุดต้องรู้จักพอและไม่โลภ
ในแง่มุมของการออมและการลงทุนนั้น ขาบขยายความเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน นอกจากฝากเงินกับธนาคารแล้ว เขายังออมเงินในรูปแบบอื่นอีก เช่นที่ทำอยู่ตอนนี้คือ ซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เพราะหากมีสุขภาพที่แข็งแรงก็ย่อมมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตประจำวันและขับเคลื่อนธุรกิจไปได้
"อีกเรื่องที่ทำอยู่ขณะนี้คือ มีคนบอกว่า ขณะที่เรากำลังหาเงิน เช่นกันบ้านที่เราอยู่อาศัยก็ควรจะสร้างเม็ดเงินด้วย จากประสบการณ์ของผมที่ทำอยู่คือ จะซื้อบ้านมาออกแบบเองและตกแต่งให้สวยงามเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและสามารถสร้างเป็นธุรกิจได้ ซึ่งผมจะมองบ้านในทำเลที่ดี เมื่ออยู่สัก 2-3 ปี หรือเบื่อแล้วก็ขายทิ้ง เอากำไร ไปซื้อบ้านหลังใหม่ต่อไป และที่สำคัญบ้านแต่ละหลังก็จะมีคอนเซปต์และสไตล์ที่ต่างกัน
เช่นเดียวกับที่ขาบสตูดิโอโฮมออฟฟิศของผมจะเน้นการออกแบบและตกแต่งสร้างห้องครัวให้กลายเป็นห้องรับแขกแทน ซึ่งได้ไอเดียมาจากเจ้าแม่วงการอาหารของอเมริกาอย่างมาร์ธ่า สจ๊วต เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความชื่นชอบคล้ายกัน โดยผมก็จะอยู่อาศัยและทำธุรกิจไปเรื่อยๆ ใครสนใจบ้านก็แวะดู หากได้ราคาที่พอใจก็ขาย"
เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ใส่ใจกับเรื่องเงินๆ ทองๆ และวางแผนการเงิน ขาบบอกว่าคนที่ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีแบบแผนก็เหมือนกับชีวิตที่ไม่มีเข็มทิศและไม่รู้จักคุณค่าของคำว่า เวลา และก็มักจะมองไม่เห็นโอกาสที่ดีของอนาคต
"คนที่จัดสรรเวลาเป็นและรู้จักวางแผนชีวิตและอนาคตทางการเงินอย่างรอบคอบ ชีวิตก็จะพบแต่ความสุขและมีเวลาพอจะไปเสพงานศิลปะ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของชีวิต"
ขาบยังแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดทางการเงินของเขา ว่าก็มีบ้างเหมือนกัน เช่น เมื่อก่อนนึกอยากจะได้อะไร พอเห็นปุ๊บก็จะซื้อเลยตามอารมณ์ ปรากฏว่าที่บ้านของเขาจึงมีของรกเต็มไปหมด ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นไม่สะสมอะไรแล้ว นอกจากสะสมความดีและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ขณะนี้ก็กำลังทำห้องสมุดส่วนตัวที่บ้านเกิด จังหวัดหนองคาย เพื่อให้คนได้เข้ามาอ่านหนังสือหาความรู้ เป็นองค์กรเอกชนเล็กๆ ที่ไม่มุ่งแสวงหากำไร คาดว่าจะเสร็จปลายปีนี้
นั่นเป็นแบบแผนการจัดการเงินทองของฟู้ดสไตลิสต์แถวหน้าของเมืองไทยที่ชื่อ "ขาบ"
Read More: http://www.portfolios.net/group/foodphotography/forum/topics/2988839:Topic:279919#ixzz35pGkw8NC
คนที่จัดสรรเวลาเป็น รู้จักวางแผนชีวิตและอนาคตทางการเงินอย่างรอบคอบ ชีวิตก็จะพบแต่ความสุข และมีเวลาพอจะไปเสพงานศิลปะ ถือว่าสุดยอดของชีวิต
ชื่อของ "สุทธิพงษ์ สุริยะ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขาบสไตล์ อาจไม่คุ้นหูคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าเรียกเขาว่า "ขาบ" หลายคนคงร้องอ๋อ เพราะขาบเป็นฟู้ดสไตลิสต์ชั้นนำ ผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะและอาหารมากว่า 10 ปี ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งเขาได้รับการยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ บริษัทที่เขาทำในปัจจุบันเป็นองค์กรที่สร้างสไตล์ รสนิยมและความทันสมัยให้กับวงการธุรกิจอาหารด้วยมาตรฐาน สากลอย่างครบวงจรแบบมืออาชีพ
"สิ่งสำคัญในการเป็น ฟู้ดสไตลิสต์ที่ดี ต้องมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นและชัดเจนในตัวเอง ที่สำคัญต้องทำงานอย่างต่อเนื่องยาวนาน สามารถนำเสนอผลงานให้ออกมาเป็น พาณิชย์ศิลป์ได้ และควรหาโอกาสร่วมงานกับบุคคลและสินค้าระดับอินเตอร์เพื่อพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้ประสบการณ์อันล้ำค่า"
นอกจากนี้ เขายังเป็นพิธีกรร่วมคู่กับ "ชลิดา เถาว์ชาลี" ผลิตรายการอาหาร Living in shape ทางช่อง 3 และเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุในช่วง “ครัวของขาบ” ทางเอฟเอ็ม 97 ที่พูดคุยเรื่องราวของอาหารการกินและครัวของคนร่วมสมัย แถมยังเป็นคอลัมนิสต์และนักเขียนประจำ ให้ความรู้เชิงศิลปะการทำสไตล์ใส่อาหาร ลงตีพิมพ์ตามนิตยสารเล่มต่างๆ
แม้เรื่องจัดการเงินทอง เขาจะไม่เก่งและเชี่ยวชาญเท่าเรื่องการเป็นฟู้ดสไตล์ลิสต์ แต่แบบแผนการจัดการเงินของขาบก็ไม่ได้ขี้เหร่ ขาบบอกว่าเมื่อมีรายได้เข้ามา เขาจะจัดสรรเงินด้วยการเปิดบัญชีเพื่อตัวเองไว้ 2 บัญชี คือ เปิดบัญชีเงินฝากประจำ เพื่อบังคับตัวเองให้ออมเงินและเป็นสร้างวินัยไปในตัว โดยจะต้องเก็บออมเงินจำนวนหนึ่งไว้ทุกเดือน ส่วนบัญชีออมทรัพย์ มีไว้เพื่อเบิกถอนมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องบริหารจัดการของแต่ละเดือน
แต่ขาบบอกว่า ไม่ว่าจะใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหนหรือซื้ออะไร ต้องยึดหลัก "ใช้จ่ายไม่ให้ตัวเลขติดลบ" หรือหากติดลบก็ต้องทำงานมากขึ้น เพื่อหารายได้มาชดเชยโดยเร็วที่สุด
แบบแผนในการจัดการเงินทองของเขาในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ขาบบอกว่า เน้นประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองและบริษัท เช่น ว่าจ้างฟรีแลนซ์ทำงานแทนพนักงานประจำ กรณีมีงานก็เรียกมาเป็นครั้งคราว หรือสำหรับคนทั่วไปมีข้อแนะนำว่า หากเป็นบริษัทขนาดเล็ก ก็อาจจะใช้บ้านเป็นโฮมออฟฟิศ ทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่าย แถมยังได้ทานอาหารกับพนักงาน ทำให้เกิดความคุ้นเคยกันมากขึ้น ซึ่งที่ขาบสตูดิโอก็ทำธุรกิจในรูปแบบนี้
"ผมว่าคนเราควรจะใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ไม่ประมาทหรือคิดการใหญ่เกินตัว ค่อยๆ ก้าวเดินแต่ปลอดภัยทุกขณะต้องมีสติ คอยแก้ปัญหา และที่สำคัญต้องทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรมเหมือน เช่นกับการทำ CSR ที่คืนกำไรให้กับสังคม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและควรนำมาปรับใช้กับทุกๆ องค์กร"
สำหรับในปัจจุบันที่การใช้เงินกับผู้คนส่วนใหญ่มักใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เกินตัวกันเยอะ และบางคนนิยมซื้อของแบรนด์เนม มากเกินกำลังของตัวเอง จนกลายเป็นหนี้เป็นสินรุงรัง ขาบแนะว่าทุกคนต้องรู้จักประมาณตนและยึดถือคติตนเป็นที่พึ่งของตนเสมอ ทุกๆ ช่วงชีวิตของมนุษย์ย่อมมีขึ้นมีลงตามจังหวะ หากใครวางแผนได้ดี ชีวิตก็จะประสบแต่ความสุขที่แท้จริงและที่สำคัญที่สุดต้องรู้จักพอและไม่โลภ
ในแง่มุมของการออมและการลงทุนนั้น ขาบขยายความเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน นอกจากฝากเงินกับธนาคารแล้ว เขายังออมเงินในรูปแบบอื่นอีก เช่นที่ทำอยู่ตอนนี้คือ ซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เพราะหากมีสุขภาพที่แข็งแรงก็ย่อมมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตประจำวันและขับเคลื่อนธุรกิจไปได้
"อีกเรื่องที่ทำอยู่ขณะนี้คือ มีคนบอกว่า ขณะที่เรากำลังหาเงิน เช่นกันบ้านที่เราอยู่อาศัยก็ควรจะสร้างเม็ดเงินด้วย จากประสบการณ์ของผมที่ทำอยู่คือ จะซื้อบ้านมาออกแบบเองและตกแต่งให้สวยงามเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและสามารถสร้างเป็นธุรกิจได้ ซึ่งผมจะมองบ้านในทำเลที่ดี เมื่ออยู่สัก 2-3 ปี หรือเบื่อแล้วก็ขายทิ้ง เอากำไร ไปซื้อบ้านหลังใหม่ต่อไป และที่สำคัญบ้านแต่ละหลังก็จะมีคอนเซปต์และสไตล์ที่ต่างกัน
เช่นเดียวกับที่ขาบสตูดิโอโฮมออฟฟิศของผมจะเน้นการออกแบบและตกแต่งสร้างห้องครัวให้กลายเป็นห้องรับแขกแทน ซึ่งได้ไอเดียมาจากเจ้าแม่วงการอาหารของอเมริกาอย่างมาร์ธ่า สจ๊วต เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความชื่นชอบคล้ายกัน โดยผมก็จะอยู่อาศัยและทำธุรกิจไปเรื่อยๆ ใครสนใจบ้านก็แวะดู หากได้ราคาที่พอใจก็ขาย"
เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ใส่ใจกับเรื่องเงินๆ ทองๆ และวางแผนการเงิน ขาบบอกว่าคนที่ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีแบบแผนก็เหมือนกับชีวิตที่ไม่มีเข็มทิศและไม่รู้จักคุณค่าของคำว่า เวลา และก็มักจะมองไม่เห็นโอกาสที่ดีของอนาคต
"คนที่จัดสรรเวลาเป็นและรู้จักวางแผนชีวิตและอนาคตทางการเงินอย่างรอบคอบ ชีวิตก็จะพบแต่ความสุขและมีเวลาพอจะไปเสพงานศิลปะ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของชีวิต"
ขาบยังแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดทางการเงินของเขา ว่าก็มีบ้างเหมือนกัน เช่น เมื่อก่อนนึกอยากจะได้อะไร พอเห็นปุ๊บก็จะซื้อเลยตามอารมณ์ ปรากฏว่าที่บ้านของเขาจึงมีของรกเต็มไปหมด ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นไม่สะสมอะไรแล้ว นอกจากสะสมความดีและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ขณะนี้ก็กำลังทำห้องสมุดส่วนตัวที่บ้านเกิด จังหวัดหนองคาย เพื่อให้คนได้เข้ามาอ่านหนังสือหาความรู้ เป็นองค์กรเอกชนเล็กๆ ที่ไม่มุ่งแสวงหากำไร คาดว่าจะเสร็จปลายปีนี้
นั่นเป็นแบบแผนการจัดการเงินทองของฟู้ดสไตลิสต์แถวหน้าของเมืองไทยที่ชื่อ "ขาบ"
Read More: http://www.portfolios.net/group/foodphotography/forum/topics/2988839:Topic:279919#ixzz35pGkw8NC
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น